Chef Moo น้ำมันหมูแท้ 100%
"น้ำมันหมู" คือ น้ำมันจากธรรมชาติ โดยทั่วไปจะมีกรดไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง
ซึ่งมีงานวิจัยสนับสนุนว่าช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL)
และเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลดี (HDL) นอกจากนี้ยังทนต่อความร้อน จึงไม่เปลี่ยนเป็นไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นปัจจัยในการก่อเกิดโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ
แม้แต่สื่อต่างประเทศอย่าง The Wallshington Post ตีพิมพ์บทความ
“Lard may not be as bad for your health as the fat’s detractors say”
ซึ่งเนื้อหาได้กล่าวถึง น้ำมันหมูว่าเป็นไขมันดี และ ไม่เลวร้ายเท่าไขมันทรานซ์ในมาการีนหรือน้ำมันพืชซึ่งผ่านกรรมวิธีมากมายที่วางขายอยู่ในท้องตลาด
ซึ่งไขมันทรานซ์จากน้ำมันผ่านกรรมวิธีเหล่านี้ ทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ และ มะเร็ง ซึ่งล่าสุดในปี 2006 สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ ( FDA) ได้ประกาศห้ามใช้ไขมันทรานส์ เพื่อเป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารให้ผู้บริโภครับประทานแล้ว
สำหรับหลายคนอาจยังกังขาว่า"น้ำมันหมู" ซึ่งมีแหล่งที่มาจากสัตว์จะดีกว่าน้ำมันที่มาจากพืชได้อย่างไร
สามารถอธิบายเหตุผลง่ายๆได้ว่าเพราะ "น้ำมันหมู" เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากธรรมชาติโดยตรง โดยใช้กระบวนการเจียวด้วยความร้อนเท่านั้น จึงปราศจากกระบวนการผลิตที่ต้องใช้สารเคมี ทั้งยังให้ความหอมสำหรับการปรุงอาหารได้ดีกว่า
แตกต่างจากน้ำมันพืชซึ่งผ่านกรรมวิธี ทั้งกลั่น (Refine) ฟอกสี (Bleaching) และแต่งกลิ่น (Deodorized) และเมื่อนำมาปรุงอาหารจะเกิดการแตกตัวเป็นสารอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
นอกจากนี้ยังมี นักโภชนาการชาวสหรัฐอเมริกา “Linda Prout” ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บไซต์ด้านสุขภาพ www.lindaprout.com ก็ได้เขียนบทความ Lardy, Lardy (https://lindaprout.com/lardy-lardy/)
ระบุว่า “น้ำมันหมู นอกจากจะไม่ใช่สิ่งเลวร้ายแล้ว ยังถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่จะมาใช้ปรุงอาหารแทนน้ำมันพืชและเนย เนื่องจากน้ำมันหมูมี stearic acid ซี่งเป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัว ที่ช่วยลดการดูดซึมคลอเลสเตอรอล และลดระดับคลอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) ที่ทำให้เลือดไม่เหนียวข้น ”
จากข้อมูลยืนยันเรื่องความดีของ”น้ำมันหมู” จึงทำให้กระแสตอบรับการนำ “น้ำมันหมู” มาประกอบอาหารกำลังกลับมาอย่างรวดเร็ว เพราะในแง่ของความอร่อย สำหรับคนรุ่นตายายหรือรุ่นพ่อแม่ต่างรู้ดีว่า “น้ำมันหมู”มีความหอมเหมาะกับการปรุงอาหารมากกว่าน้ำมันพืช