กระบวนการเผาผลาญหรือ metabolism เป็นคำที่อธิบายกระบวนการเคมีที่เกิดขึ้นในร่างกาย ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ช่วยให้ร่างกายทำงานและทำให้คุณมีชีวิตอยู่ได้
อย่างไรก็ตามกระบวนการเผาผลาญมักจะถูกใช้สลับไปมาสลับมากับคำว่า อัตราการเผาผลาญหรือ metabolic rate ซึ่งคือจำนวนแคลอรี่ที่ร่างกายใช้
ยิ่งตัวเลขนี้สูงก็หมายความว่าคุณเผาผลาญแคลอรี่ได้เร็ว ทำให้น้ำหนักลดง่าย และกลับมาอ้วนยากขึ้น การที่ร่างกายมีกระบวนการเผาผลาญที่สูงทำให้ร่างกายมีพลังงานที่เยอะและทำให้คุณรู้สึกดี
และนี่ก็คือ 10 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณเพิ่มกระบวนการเผาผลาญ
1. ทานโปรตีนในทุกๆมื้อ
การทานอาหารช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญชั่วจขณะนึ่ง นี่เป็นผลของสิ่งที่เรียกว่า Thermic effect of food (TEF) เนื่องมาจากร่างกายต้องใช้แคลอรี่จำนวนหนึ่งในการย่อย ดูดซึม และใช้งานสารอาหารที่เราทานเข้าไปนั่นเอง
โปรตีนช่วยในการเร่ง TEF ให้สูงที่สุด โดยสามารถเร่งได้ถึง 15-30% ในขณะที่คาร์บอยู่ที่ 5-10% และไขมันอยู่ที่ 0-3% นอกจากนี้โปรตีนยังช่วยให้คุณอิ่มและไม่ทำให้คุณทานมากเกินตัว หรือ overeating
งานวิจัยหนึ่งพบว่า คนที่ทานโปรตีนเป็น 30% ของพลังงานต่อวัน นั้นโดยเฉลี่ยจะทาน 441 แคลอรี่น้อยกว่าคนปกติ
การทานโปรตีนยังช่วยลด ในการลดของระดับการเผาผลาญที่มักจะเกิดกับคนที่ลดน้ำหนัก เนื่องมาจากการลดลงของมวลกล้ามเนื้อ ที่มักจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณลดน้ำหนัก
อ่านเพิ่มเติม โปรตีน กับอาหารคีโต ทานอย่างไรถึงพอดี
2. ทานน้ำเปล่า(เย็น)มากขึ้น
คนที่ทานน้ำเปล่า แทนการดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม มีโอกาสสูงในการลดน้ำหนักและคงน้ำหนักนั้นไว้ได้ นั่นก็เพราะโดยปกติน้ำหวาน น้ำอัดลมจะมีปริมาณแคลอรี่สูงกว่า ฉะนั้นเมื่อเราทานน้ำเปล่าแทนก็จะช่วยลดปริมาณแคลอรี่ต่อวันที่ทานลงทันที
นอกจากนี้การทานน้ำยังอาจจะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญได้ด้วย
งานวิจัยหนึ่งพบว่าการทานน้ำ 0.5 ลิตร หรือครึ่งลิตร ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญเมื่อหยุดนิ่งได้ถึง 10-30% เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
การเผาผลาญนี้ยิ่งมีผลมากขึ้นเมื่อคุณทานน้ำเย็น เนื่องมาจากร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการอุ่นน้ำเย็นให้เท่ากับอุณหภูมิของร่างกาย
น้ำยังช่วยให้คุณอิ่ม โดยงานวิจัยหนึ่งพบว่าการทานน้ำครึ่งชั่วโมงก่อนอาหาร ทำให้คุณทานอาหารน้อยลง
และงานวิจัยของคนที่มีน้ำหนักมากพบว่า คุณที่ทานน้ำ 0.5 ลิตรก่อนอาหารลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่มคนที่ไม่ทานมากถึง 44%
3. ออกกำลังกายแบบ HIIT
High-intensity interval training (HIIT) คือการออกกำลังกายแบบเร่งและหนักในช่วงเวลาสั้นๆ สลับไปมา เช่น วิ่งเร็ว1นาทีวิ่งเหยาะ2นาทีสลับไปสลับมา
โดยพบว่าการออกกำลังกายแบบนี้ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญแม้ว่าร่างจะหยุดออกกำลังกายแล้วก็ตาม
ผลที่เกิดขึ้นนี้มักจะเกิดกับการออกกำลังกายแบบ HIIT มากกว่าการออกกำลังกายรูปแบบอื่น นอกจากนี้ HIIT ยังช่วยเผาผลาญไขมันได้ดี
งานวิจัยหนึ่งพบว่าผู้ชายที่อ้วนที่ออกกำลังกายแบบ HIIT ติดต่อกัน 12 สัปดาห์มีมวลไขมันลดลง 2 กก. และไขมันหน้าท้องลดลง 17%
4. ยกของหนัก (resistance training)
กล้ามเนื้อใช้พลังงานมากกว่าไขมัน และการสร้างกล้ามเนื้อก็ช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญ นันหมายความว่าต่อวันคุณจะเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น แม้ขณะนั่งเฉยๆก็ตาม
การยกน้ำหนักยังช่วยในการรักษากล้ามเนื้อและช่วยป้องการลดลงของกระบวนการเผาผลาญที่มักจะเกิดกับคนที่ลดน้ำหนัก
งานวิจัยในผู้หญิงที่อ้วนมากที่ทานวันละ 800 แคลอรี่ต่อวัน แบบควบคู่กับ การไม่ออกกำลังกาย การออกกำลังแบบคาร์ดิโอ และการออกกำลังกายแบบยกน้ำหนัก พบว่า ผู้หญิงที่ทานควบคู่กับการออกกำลังกายแบบยกน้ำหนักรักษามวลกล้ามเนื้อ พละกำลังและอัตราการเผาผลาญ ได้ดีกว่ากลุ่มที่ออกกำลังกายปกติและไม่ออกกำลังกายเลย
5. ยืนบ่อยขึ้น
การนั่งเป็นเวลานานไม่ดีต่อสุขภาพ กูรูสุขภาพหลายคนชอบเรียกการนั่งนานๆมา “การสูบบุหรี่แบบใหม่” เนื่องมาจากการนั่งๆนานเผาผลาญไขมันน้อยและอาจจะนำไปสู่ความอ้วน
ความจริงแล้วการยืนแทนที่การนั่งในช่วงตอนบ่าย สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าถึง 174 แคอลรี่
ถ้าหากคุณทำงานที่โต๊ะ อาจจะลองปรับเปลี่ยนให้มีช่วงเวลาที่ยืนและลุกบ้าง
6. ทานชาเขียวและชาอู่หลง
ชาเขียวและชาอู่หลง สามารถช่วยในการเพิ่มการเผาผลาญได้ถึง 4-5% โดยชาเหล่านี้ช่วยในการเปลี่ยนไขมันที่สะสมในร่างกายให้เป็นกรดไขมัน ทำให้อาจจะเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันได้ถึง 10-17%
เนื่องด้วยชาเหล่านี้มีแคลอรี่ที่ต่ำ การดื่มชาเหล่านี้ยังช่วยในการลดน้ำหนักและคงน้ำหนักใหม่ด้วย
นอกขากนี้เนื่องมาจากการที่มันช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้มันอาจจะช่วยป้องกันหิดปลาทู หรือภาวะที่น้ำหนักไม่ยอมลงเมื่อลดน้ำหนักได้
อย่างไรก็ตามก็มีงานวิจัยบางตัวที่พบว่าชาไม่ได้ช่วยระบบเผาผลาญได้แต่อย่างใด และผลก็เกิดน้อยและในบางกลุ่มคนเท่านั้น
7. ทานของเผ็ด
พริกนั้นมีสารที่เรียกว่า แคปไซซิน Capsaicin ซึ่งช่วยในการเร่งการเผาผลาญ แต่บางคนอาจจะไม่สามารถทานจนถึงปริมาณที่มันมีผลได้
งานศึกษาหนึ่งพบว่าปริมาณแคปไซซินในปริมาณปกติสามารถช่วยเผาผลาญได้ 10 แคลอรี่ต่อหนึ่งมื้อ ถ้าทานแบบ 6.5 ปี ก็จะช่วยลดน้ำหนักได้ 0.5 กก.ในผู้ชายปกติ
แม้ว่าผลของอาหารเผ็ดจะมีน้อย อย่างไรก็ตามมันก็ยังเป็นกลยุทธ์ที่อาจจะช่วยคุณได้ (โดยเฉพาะคนไทยที่ชอบทานเผ็ดอยู่แล้ว)
8. นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนไม่หลับส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคอ้วนได้ นี่อาจจะเป็นผลมาจากการที่การขาดการนอนทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้แย่ลง
นอกจากนี้การพักผ่อนไม่เพียงพอยังเกี่ยวข้องกับ ปริมาณน้ำตาลในเลือดสูง และภาวะดื้ออินซูลินอีกด้วย ซึ่งทั้งสองนำไปสู่โรคเบาหวานได้ และมันยังช่วยเพิ่มฮอร์โมนความหิว หรือ Ghrelin และลดฮอร์โมนความอิ่ม Leptin นี่อาจจะอธิบายว่าทำไมคนที่นอนหลับไม่เพียงพอมีปัญหาในการลดน้ำหนัก (กลุ่มคนที่มีภาวะเครียด ซึมเศร้าอาจจะได้รับผลกระทบนี้)
9. ทานกาแฟ
งานวิจัยพบว่าคาเฟอีนในกาแฟช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ 3-11% เช่นเดียวกับชา กาแฟก็ช่วยในการเผาผลาญเช่นกัน อย่างไรก็ตามผลของคาเฟอีนจะส่งผลต่อคนที่ผอมมากกว่าคนที่อ้วน โดยงานวิจัยหนึ่งพบว่ากาแฟช่วยเร่งการเผาผาญในผู้หญิงน้ำหนักปกติถึง 29% แต่เพิ่มแค่ 10% ในกลุ่มผู้หญิงที่อ้วน ผลของการแฟอาจจะช่วยในลดน้ำหนักและคงน้ำหนักได้
10. ใช้น้ำมันมะพร้าวแทนน้ำมันพืช
น้ำมันมะพร้าวแตกต่างจากน้ำมันพืชชนิดอื่น ตรงที่มีปริมาณไขมันพันธะกลางที่สูง โดยไขมันพัทธะกลางช่วยในการเผาผลาญไขมันมากกว่าไขมันอิ่มตัวพันธะยาวแบบเนย
งานวิจัยหนึ่งพบว่า ไขมันพันธะกลางช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้ถึง 12% ในขณะที่ไขมันพันธะยาวได้แค่ 4% ด้วยเหตุนี้การใช้น้ำมันมะพร้าวแทนน้ำมันแบบอื่นๆ อาจจะช่วยส่งผลให้การลดน้ำหนักได้ผลง่ายขึ้น
ที่มา 10 Easy Ways to Boost Your Metabolism (Backed by Science)
Have you git English version
You should be able to find one in the reference at the bottom of the page.